Wednesday, December 21, 2011

อิโต ฮิโระบุมิ นายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศญี่ปุ่น

พ.ศ. 2428 (ค.ศ. 1885) – อิโต ฮิโระบุมิ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศญี่ปุ่น



ฮิโระบุมิ อิโต (ญี่ปุ่น: 伊藤 博文 Itō Hirobumi ?) (16 ตุลาคม 2384 - 26 ตุลาคม 2452) เป็นนักการเมืองชาวญี่ปุ่น
นอกจากจะมีส่วนในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกของญี่ปุ่นแล้ว ยังเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น 4 สมัย, ประธานองคมนตรีคนแรก, ประธานวุฒิสภา, ผู้ตรวจราชการโชซอน (韓国統監府統監) และผู้ว่าราชการจังหวัดเฮียวโงะ (จากการแต่งตั้ง) เป็นผู้ก่อตั้งพรรคริกเค็นเซยูไค (立憲政友会) ซึ่งเป็นรากฐานของพรรคเสรีประชาธิปไตยที่เป็นพรรคฝ่ายค้านของญี่ปุ่นในปัจจุบัน และยังได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยเยล ในสหรัฐอเมริกา


 ชีวิตเยาว์วัย-และเข้าเป็นทหาร
 อิโต ฮิโระบุมิ มีชื่อเดิมว่าโทะชิสึเกะ เป็นบุตรคนโตของครอบครัวชาวนาในเมืองฮางิ แคว้นโจชู (ปัจจุบันอยู่ในจังหวัดยะมะงุจิ) บิดาชื่อว่า จูโซ มารดาชื่อว่าโคะโตะโกะ เนื่องจากครอบครัวมีฐานะยากจนมาก จึงต้องส่งโทะชิสึเกะไปเป็นบุตรบุญธรรมของซามูไรระดับล่างในท้องถิ่น ชื่อว่า อิโต นะโอะเอะมง ตั้งแต่อายุ 12 ขวบ หลังจากเข้าเรียนในโรงเรียนมัตสึชิตะจุกุ ก็ไปเกี่ยวพันกับขบวนการโค่นล้มระบอบโชกุนในสมัยนั้น
 ในปี 2405 ขณะที่มีอายุได้ 21 ปี ได้มีส่วนร่วมในการวางแผนลอบสังหารนะงะอิ อุตะ ผู้ที่สนับสนุนแนวคิดที่ให้รัฐบาลทหารรวมตัวกับราชสำนักในเกียวโต (และรักษาระบอบโชกุนเอาไว้) นอกจากนี้ยังเข้าร่วมลอบวางเพลิงสถานกงสุลอังกฤษ จนมีชื่อในฐานะผู้ที่มีแนวคิดต่อต้านต่างชาติต่อมาในปี 2406 ได้ไปเรียนต่อที่อังกฤษ (คาดว่าแนวคิดต่อต้านต่างชาติคงจะเบาบางลง หลังจากได้เห็นสภาวะของอังกฤษในช่วงนั้น ที่มีกำลังเหนือกว่าญี่ปุ่นมาก) ดังนั้นเมื่อรู้ข่าวว่าแคว้นของตนกำลังเตรียมทำสงครามกับอังกฤษ ก็รีบกลับประเทศเพื่อหาทางหลีกเลี่ยงสงคราม แต่ไร้ผล เพราะในที่สุดแคว้นโจชูก็ได้ทำสงครามกับอังกฤษ (แน่นอนว่าอังกฤษที่มีเทคโนโลยีเหนือกว่าเป็นฝ่ายได้เปรียบ) และหลังสงครามทำหน้าที่เป็นล่ามในการเจรจาสงบศึก
  หลังจากที่กองทัพของแคว้นโจชูทำสงครามกับรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะและเป็นฝ่ายได้เปรียบ รัฐบาลของแคว้นโจชูก็ได้แสดงเจตนาที่จะโค่นล้มรัฐบาลโชกุนอย่างชัดแจ้ง ฮิโระบุมิก็ได้เข้าเป็นทหารในกองทัพของแคว้นในช่วงนั้นด้วย กองทัพที่ว่านี้มีส่วนสำคัญที่ทำให้การปฏิรูปเมจิประสบความสำเร็จ
credit : wikipedia.org

Monday, December 19, 2011

นางงามเด็ก จ็อนเบอเน แรมซีย์ เธอมีชีวิตเพียง 6 ปีเท่านั้น

image wikipedia
จ็อนเบอเน เพอทรีเชอ แรมซีย์ (อังกฤษ: JonBenét Patricia Ramsey; เสียงอ่านภาษาอังกฤษ: /ˈˌdʒɒnbəˈneɪ pəˈtrɪʃə ˈræmzi/; 6 สิงหาคม 1990–25 ธันวาคม 1996) เป็นชาวอเมริกันผู้เข้าประกวดนางงามเด็ก ซึ่งถูกฆ่าที่บ้านในนครโบลเดอร์ รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา ในปี 1996 เมื่ออายุได้หกปี โดยเจ้าพนักงานตำรวจพบศพของเธอที่ชั้นใต้ดินของบ้านแปดชั่วโมงหลังบิดามารดาร้องทุกข์ว่าเธอหายไป ชันสูตรพลิกศพพบว่าถูกตีศีรษะและรัดคอจนถึงแก่ความตาย แม้คณะลูกขุนใหญ่ไต่สวนเป็นหลายครั้งแล้ว คดียังมิได้รับการคลี่คลาย และเป็นที่สนใจของสาธารณชนและสื่อมวลชนจนบัดนี้

 เมื่อแรก เจ้าพนักงานรัฐโคโลราโดสงสัยว่าบิดา มารดา หรือพี่ชายของจ็อนเบอเนฆ่าเธอ แต่คนเหล่านี้พ้นข้อสงสัยบางส่วนไปในปี 2003 เมื่อดีเอ็นเอที่ได้จากเสื้อผ้าของผู้ตายพิสูจน์ว่าพวกเขาไม่เกี่ยวข้อง และพ้นข้อสงสัยโดยสิ้นเชิงในเดือนกรกฎาคม 2008 ครั้นเดือนกุมภาพันธ์ ปีถัดมา อัยการแขวงส่งสำนวนคดีคืนให้กรมตำรวจนครโบลเดอร์ไปสอบสวนใหม่ และกระบวนการยังดำเนินตราบปัจจุบัน

 รายงานของสื่อมวลชนมักว่าด้วยบทบาทของจ็อนเบอเนในการประกวดนางงามเด็ก ความมั่งคั่งของบิดามารดาเธอ และพยานหลักฐานอันผิดประหลาดในสำนวน ทั้งยังตั้งคำถามเรื่องการทำคดีของเจ้าพนักงานตำรวจโดยรวมด้วย เป็นเหตุให้ครอบครัวของจ็อนเบอเนและมิตรสหายของครอบครัวนี้เป็นความกับสื่อมวลชนเรื่องหมิ่นประมาทอยู่หลายความ

อ่านต่อ เรื่องชีวิตของเธอ การประกวดเวทีนางงามเด็กซึ่งนำไปสู่การฆาตกรรม การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%99_%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%8C

credit : wikipedia.com

แอนดรูว์ คาร์เนกี

มีการจัดให้ แอนดรูว์ คาร์เนกี  ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ โดยคิดตามเงินเฟ้อปัจจุบันแล้ว สินทรัพย์ของเขาอาจสูงถึง 297,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( 13 พฤศจิกายน 2554 )



แอนดรูว์ คาร์เนกี (อังกฤษ: Andrew Carnegie, 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1835 - 11 สิงหาคม ค.ศ. 1919) เป็นนักอุตสาหกรรม นักธุรกิจและผู้ประกอบการชาวสกอต-อเมริกัน ผู้นำการขยายตัวอย่างใหญ่หลวงของอุตสาหกรรมเหล็กกล้าอเมริกาในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 เขายังเป็นหนึ่งในนักการกุศลคนสำคัญที่สุดในยุคของเขา

 คาร์เนกีเกิดในดันเฟิร์มลิน สกอตแลนด์ และอพยพสู่สหรัฐอเมริกากับครอบครัวเมื่อยังเป็นเด็ก อาชีพแรกของเขาในสหรัฐอเมริกา เป็นกรรมกรโรงงานในโรงงานหลอดด้าย ภายหลังเขาทำงานเป็นคนจดรายการ (bill logger) ให้กับเจ้าของบริษัท ไม่นานจากนั้นเขากลายเป็นเด็กส่งของ ท้ายสุด เขาก้าวหน้าเข้าทำงานในบริษัทโทรเลข และจนถึงคริสต์ทศวรรษ 1860 เขาได้ลงทุนในทางรถไฟ รถนอนทางรถไฟ สะพานและบ่อน้ำมัน เขาร่ำรวยขึ้นมาากการเป็นผู้ขายพันธบัตรระดมเงินทุนแก่วิสาหกิจอเมริกาในยุโรป

 เขาก่อตั้ง Carnegie Steel Company ในคริสต์ทศวรรษ 1870 ซึ่งทำให้เขาได้รับการจารึกชื่อว่าเป็น "กัปตันแห่งอุตสาหกรรม" จนถึงคริสต์ทศวรรษ 1890 บริษัทของเขาเป็นวิสาหกิจอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดและทำรายได้มากที่สุดในโลก ใน ค.ศ. 1901 เขาขายให้แก่ J.P. Morgan เป็นเงิน 480 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และก่อตั้ง U.S. Steel ภายหลังเขาหันไปเป็นผู้นักการกุศล และให้ความสนใจกับการศึกษา

 คาร์เนกีบริจาคเงินส่วนใหญ่ก่อตั้งห้องสมุด โรงเรียนและมหาวิทยาลัยจำนวนมากในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรแคนาดาและอีกหลายประเทศ เช่นเดียวกับจัดหาเงินบำนาญให้แก่อดีตลูกจ้าง เขามักถูกจัดให้เป็นบุคคลร่ำรวยที่สุดในประวัติศาสตร์อันดับสอง รองจากจอห์น ดี ร็อกกี้เฟลเลอร์ ในช่วงบั้นปลายชีวิต มูลค่าทรัพย์สินรวมของคาร์เนกีอยู่ที่ 475 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่เมื่อเขาเสียชีวิตมูลค่าทรัพย์สินส่วนตัวได้ลดลงเหลือ 30 ล้านดอลล่าร์สหรัฐจากการบริจาคเงิน มูลค่าแท้จริงประเมินไว้ระหว่าง 75,000 ล้าน ถึง 297,800 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เมื่อปรับกับเงินเฟ้อเมื่อปลายคริสต์ทศวรรษ 2000 แล้ว

 signuture Andrew Carnegie image wikipedia

credit : wikipedia.com

คิม จองอิล

คิม จองอิล 
คิม จองอิล (เกาหลี: 김정일, ฮันจา: 金正日, MC: Kim Chŏngil, MR: Gim Jeong(-)il) มีชื่อเมื่อแรกเกิดว่า ยูริ อีร์เซโนวิช คิม (ตามบันทึกโซเวียต) (16 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1941/2 – 17 ธันวาคม ค.ศ. 2011) เป็นผู้นำสูงสุดของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) เขาเป็นเลขาธิการใหญ่พรรคกรรมกรเกาหลี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลตั้งแต่ ค.ศ. 1948, ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันประเทศแห่งเกาหลีเหนือ และผู้บัญชาการกองทัพประชาชนเกาหลีสูงสุด ซึ่งเป็นกองทัพขนาดใหญ่ที่สุดอันดับสี่ของโลก

 ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2009 มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกาหลีเหนือโดยเรียกเขาว่าเป็น "ผู้นำสูงสุด" โดยปริยาย เขายังถูกเรียกว่า "บิดาที่รัก", "บิดาของเรา" "นายพล" และ "จอมทัพ" บุตรชาย คิม จองอึนได้รับเลื่อนเป็นตำแหน่งระดับสูงในพรรคกรรมกรและถูกวางตัวเป็นทายาท ใน ค.ศ. 2010 เขาถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 31 ของบุคคลทรงอำนาจที่สุดของโลก รัฐบาลเกาหลีเหนือประกาศการถึงแก่อสัญกรรมของเขาเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ. 2011

ประวัติ
ตามชีวประวัติอย่างเป็นทางการ คิมสำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานระหว่างเดือนกันยายน ค.ศ. 1950 และสิงหาคม ค.ศ. 1960 ในกรุงเปียงยาง ซึ่งขัดแย้งกับนักวิชาการต่างชาติ ซึ่งเชื่อว่าเขาน่าจะได้รับการศึกษาช่วงต้นในสาธารณรัฐประชาชนจีนมากกว่า เพื่อประกันความปลอดภัยของเขาระหว่างสงครามเกาหลี

 ตลอดการศึกษาในโรงเรียน คิมเกี่ยวข้องกับการเมืองอยู่เสมอ เขาเข้าร่วมในสหภาพเด็กและสันนิบาติเยาวชนประชาธิปไตย เข้าร่วมในกลุ่มศึกษาทฤษฎีการเมืองมากซิสต์และวรรณกรรมอื่น ๆ ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1957 เขาเป็นรองประธานสาขาสันนิบาติเยาวชนประชาธิปไตยของโรงเรียนมัธยมต้น เขาดำเนินตามโครงการต่อต้านการถือพวกพ้องและพยายามกระตุ้นการศึกษาอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่ขึ้นในบรรดาเพื่อนร่วมชั้นของเขา

 คิมยังกล่าวกันว่าได้รับการศึกษาภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยมอลตาในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1970 ช่วงวันหยุดที่ไม่บ่อยครั้งนักในมอลตาในฐานะแขกของนายกรัฐมนตรีดอม มินทอฟฟ์

 คิมผู้พ่อภายหลังได้สมรสใหม่และมีบุตรชายอีกคนหนึ่งชื่อ คิม พยองอิล (ตั้งตามชื่อน้องชายที่จมน้ำเสียชีวิตของคิม จองอิล) นับแต่ ค.ศ. 1988 คิม พยองอิลได้รับราชการในสถานทูตเกาหลีเหนือหลายแห่งในยุโรปและปัจจุบันเป็นเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำโปแลนด์ นักวิจารณ์ต่างประเทศสงสัยว่าคิม พยองอิลถูกบิดาส่งไปรับตำแหน่งห่างไกลเหล่านี้เพื่อป้องกันการแก่งแย่งอำนาจระหว่างบุตรชายทั้งสอง



ถึงแก่อสัญกรรม
มีการรายงานข่าวทางโทรทัศน์ในเกาหลีเหนือเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ว่าคิม จองอิล ถึงแก่อสัญกรรมแล้วเมื่อสองวันก่อน (17 ธันวาคม) ด้วยสาเหตุ "ทำงานมากเกินไปทั้งทางร่างกายและจิตใจ"

credit :  http://th.wikipedia.org

Thursday, December 15, 2011

ทอม ครูซ



โทมัส ครูซ เมโพเธอร์ที่ 4 (อังกฤษ: Thomas Cruise Mapother IV) เกิดวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 ที่เมืองซีราคิวส์ รัฐนิวยอร์ก ปัจจุบันอายุ 49 ปี จบการศึกษามัธยมปลาย จากเกลน ไรดจ์ เคยแต่งงานกับดาราสาวมิมิ โรเจอร์ จากนั้นหย่ากัน ก่อนที่จะแต่งงานใหม่กับดาราสาวชาวออสเตรเลีย นิโคล คิดแมน ในปี 1990 แต่ก็มาเลิกรากันอีกจนได้ในปี 2001 จนกระทั่งมาแต่งงานและมีบุตรสาวกับ เคที โฮล์มส ชื่อซูรี เกิดเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2549 ในแซนตามอนิกา รัฐแคลิฟอร์เนีย
ตอนที่ทอมอายุ 12 ปี แม่ของทอมได้ทิ้งพ่อทอมไป โดยเขาได้ตามแม่ไปพร้อมพี่สาว ต้องย้ายที่อยู่ไปหลายเมือง และต้องเปลี่ยนโรงเรียนในที่ต่าง ๆ เกือบ 12 แห่ง จนกระทั่งจบการศึกษามัธยมปลายจากเกลนไรดจ์ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ เขามีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักมวยปล้ำ แต่เมื่อได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า จึงหันมาเรียนการแสดง
ในปี 2524 ทอมมาที่ลอสแอนเจลิสที่เขาพบพอลลา วากเนอร์ จากครีเอทีฟ อาร์ทิสต์ เอเจนซี่ ซึ่งเป็นคนที่นำเขาเข้ามาสู่การภาพยนตร์ โดยทอมได้แสดงเรื่องแรกในเรื่อง Endless Love ซึ่งเขาได้รับบทเล็ก ๆ ในเรื่องนี้ จากนั้นก็มีผลงานแสดงอย่าง Risky Business, All the Right Moves, Legend
ทอม ครูซ มาแจ้งเกิดเต็มตัวในเรื่อง ท็อปกัน ฟ้าเหนือฟ้า ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้ได้ 353,816,701 เหรียญสหรัฐทั่วโลก ตามด้วย The Color of Money, Rain Man, Cocktail, Born on the Fourth of July, Days of Thunder, Far and Away, A Few Good Men, The Firm, Interview With The Vampire, ผ่าปฏิบัติการสะท้านโลก และ เจอร์รี่ แม็คไกวร์ เทพบุตรรักติดดิน และยังมีผลงานอย่าง หนังเรื่อง มหาบุรุษซามูไร ภาพยนตร์เรื่องหนังของ ไมเคิล มานน์ เรื่อง Collateral ประกบคู่กับ "เจมี่ ฟ็อกซ์" นอกจากนั้นยังแสดงภาพยนตร์กำกับโดย "สตีเว่น สปิลเบิร์ก" กับภาพยนตร์ไซไฟเรื่อง วอร์ ออฟ เดอะ เวิลด์ส อภิมหาสงครามล้างโลก

 มิมี่ โรเจอร์ส Mimi Rogers



 นิโคล คิดแมน Nicole Mary Kidman)


 เคที โฮล์มส Katie Holmes ภรรยาคู่ชีวิตของทอม
credit : wikipedia.com

อาร์คิมิดีสแห่งซีราคิวส์


อาร์คิมิดีส (กรีก: Αρχιμήδης; อังกฤษ: Archimedes; 287-212 ปีก่อนคริสตกาล) เป็นนักคณิตศาสตร์ นักดาราศาสตร์นักปรัชญา นักฟิสิกส์ และวิศวกรชาวกรีก เกิดเมื่อ 287 ปีก่อนคริสตกาล ในเมืองซีราคิวส์ ซึ่งในเวลานั้นเป็นนิคมท่าเรือของกรีก แม้จะมีรายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตของเขาน้อยมาก แต่เขาก็ได้รับยกย่องว่าเป็นหนึ่งในบรรดานักวิทยาศาสตร์ชั้นนำในสมัยคลาสสิกความก้าวหน้าในงานด้านฟิสิกส์ของเขาเป็นรากฐานให้แก่วิชา สถิตยศาสตร์ของไหล, สถิตยศาสตร์ และการอธิบายหลักการเกี่ยวกับคาน เขาได้ชื่อว่าเป็นผู้คิดค้นนวัตกรรมเครื่องจักรกลหลายชิ้น ซึ่งรวมไปถึงปั๊มเกลียว (screw pump) ซึ่งได้ตั้งชื่อตามชื่อของเขาด้วย ผลการทดลองในยุคใหม่ได้พิสูจน์แล้วว่า เครื่องจักรที่อาร์คิมิดีสออกแบบนั้นสามารถยกเรือขึ้นจากน้ำหรือสามารถจุดไฟเผาเรือได้โดยอาศัยแถบกระจกจำนวนมาก
อาร์คิมิดีสได้รับยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นนักคณิตศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคโบราณ และหนึ่งในนักคณิตศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เช่นเดียวกับ นิวตัน เกาส์ และ ออยเลอร์ เขาใช้ระเบียบวิธีเกษียณ (Method of Exhaustion) ในการคำนวณพื้นที่ใต้เส้นโค้งพาราโบลาด้วยการหาผลรวมของชุดอนุกรมอนันต์ และได้ค่าประมาณที่ใกล้เคียงที่สุดของค่าพาย[4]เขายังกำหนดนิยามแก่วงก้นหอยของอาร์คิมิดีส ซึ่งได้ชื่อตามชื่อของเขา, คิดค้นสมการหาปริมาตรของรูปทรงที่เกิดจากพื้นผิวที่ได้จากการหมุน และคิดค้นระบบสำหรับใช้บ่งบอกถึงตัวเลขจำนวนใหญ่มากๆ
อาร์คิมิดีสเสียชีวิตในระหว่างการล้อมซีราคิวส์ (ราว 214-212 ปีก่อนคริสตกาล) โดยถูกทหารโรมันคนหนึ่งสังหาร ทั้งๆ ที่มีคำสั่งมาว่าห้ามทำอันตรายแก่อาร์คิมิดีส ซิเซโรบรรยายถึงการเยี่ยมหลุมศพของอาร์คิมิดีสซึ่งมีลูกทรงกลมจารึกอยู่ภายในแท่งทรงกระบอกเหนือหลุมศพ เนื่องจากอาร์คิมิดีสเป็นผู้พิสูจน์ว่า ทรงกลมมีปริมาตรและพื้นที่ผิวเป็น 2 ใน 3 ส่วนของทรงกระบอกที่บรรจุทรงกลมนั้นพอดี (รวมพื้นที่ของฐานทรงกระบอกทั้งสองข้าง) ซึ่งนับเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาในทางคณิตศาสตร์
ขณะที่ผลงานประดิษฐ์ของอาร์คิมิดีสเป็นที่รู้จักกันดี แต่งานเขียนทางด้านคณิตศาสตร์กลับไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก นักคณิตศาสตร์จากอเล็กซานเดรียได้อ่านงานเขียนของเขาและนำไปอ้างอิง ทว่ามีการรวบรวมผลงานอย่างแท้จริงเป็นครั้งแรกในช่วง ค.ศ. 530 โดย ไอซิดอร์ แห่งมิเลตุส (Isidore of Miletus) ส่วนงานวิจารณ์งานเขียนของอาร์คิมิดีสซึ่งเขียนขึ้นโดย ยูโตเซียส แห่งอัสคาลอน (Eutocius of Ascalon) ในคริสต์ศตวรรษที่ 6 ช่วยเปิดเผยผลงานของเขาให้กว้างขวางยิ่งขึ้นเป็นครั้งแรก ต้นฉบับงานเขียนของอาร์คิมิดีสหลงเหลือรอดผ่านยุคกลางมาได้ไม่มากนัก แต่ก็เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อแนวคิดของนักวิทยาศาสตร์ในยุคเรอเนสซองส์ ปี ค.ศ. 1906 มีการค้นพบต้นฉบับงานเขียนของอาร์คิมิดีสที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน ใน จารึกของอาร์คิมิดีส (Archimedes Palimpsest) ทำให้เราเห็นมุมมองใหม่ในกลวิธีที่เขาใช้ค้นหาผลลัพธ์ทางคณิตศาสตร์

Thursday, December 8, 2011

Diego María de la Concepción Juan Nepomuceno Estanislao de la Rivera y Barrientos Acosta y Rodríguez(December 8, 1886 – November 24, 1957) was a prominent Mexican painter born in Guanajuato, Guanajuato, an activecommunist, and husband of Frida Kahlo (1929–1939 and 1940–1954). His large wall works in fresco helped establish the Mexican Mural Movement in Mexican art. Between 1922 and 1953, Rivera painted murals among others in Mexico City, Chapingo, Cuernavaca, San Francisco, Detroit, and New York City.[1] In 1931, a retrospective exhibition of his works was held at the Museum of Modern Art in New York City.

Wednesday, December 7, 2011

Diego Rivera's 125th Birthday

Diego Rivera's 125th Birthday. Courtesy of Banco de M'exico. Diego Rivera Frida Kahlo Museums Trust / Artists Rights Society ( ARS )


 ดิเอโก ริเวรา (Diego Rivera) เป็นจิตรกรชาวเม็กซิโก ที่มีผลงานจิตรกรรมมากมายหลายชิ้นตลอดช่วงชีวิต เขาเกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2429 ที่เมืองกวานาวาโตของเม็กซิโก พร้อมกับพี่ชายฝาแฝดนามว่า คาร์ลอส แต่พี่ชายฝาแฝดของเขาได้เสียชีวิตลงเมื่ออายุได้เพียง 2 ขวบเท่านั้น

  เมื่อเข้าสู่วัยเรียน ริเวราได้สนใจศิลปะการวาดภาพเป็นพิเศษ และได้เข้าเรียนศิลปะที่สถาบันอคาเดมี่ออฟซานคาร์ลอสในเมืองเม็กซิโกซิตี้ และด้วยความสามารถพิเศษด้านการวาดภาพ ทำให้เขาได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์ให้ได้ไปเรียนศิลปะในยุโรป ทั้งในสเปนและฝรั่งเศส ซึ่งเขาก็ได้รู้จักกับเพื่อนที่รักการวาดภาพเหมือน ๆ กัน เช่น แม็กซ์ จาคอบ, อเมเดโล โมดิกลิอานี, ชอง ซูตอง เป็นต้น ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นนักเขียนนักวาดด้วยกันทั้งนั้น และหลังจากนั้นก็ได้เดินทางไปยังสหรัฐฯ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมมากมาย โดยหลายชิ้นก็เป็นที่รู้จักในวงกว้าง

 แต่ในที่สุด เมื่อริเวราอายุได้ประมาณ 45 ปี เขาก็กลับมายังบ้านเกิดที่เม็กซิโก และได้สร้างสรรค์งานตามแบบฉบับของศิลปะเม็กซิโกสมัยใหม่ ที่ดึงดูดความสนใจจากจิตรกรคนอื่นและผู้คนที่สนใจในศิลปะเป็นอย่างมากตั้งแต่นั้นมา จนกระทั่งปี 2499 ริเวราก็ได้เสียชีวิตลงด้วยวัย 70 ปี ขณะที่ผลงานของเขาก็ยังคงถูกเก็บรักษาและจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ทั่วยุโรป ไม่ว่าจะเป็นที่เม็กซิโก สหรัฐฯ รัสเซีย อาร์เจนตินา และบราซิล









credit : google.com,เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุก.คอม  latinartjournal.com, foundsf.org, imgc.allpostersimages.com, imgc.allpostersimages.com,
imgc.allpostersimages.com, 2.bp.blogspot.com, 1.bp.blogspot.com, 2.bp.blogspot.com, 1.bp.blogspot.com


ภรรยาของ Diego Rivera ฟรีดา คาห์โล
 



ฟรีดา คาห์โล (อังกฤษ: Frida Kahlo) (6 กรกฎาคม พ.ศ. 2450  13 กรกฎาคม พ.ศ. 2497) จิตรกรชาวเม็กซิโกแนวผสมแบบเหมือนจริง สัญลักษณนิยม และเหนือจริง เป็นผู้สนับสนุนคอมมิวนิสต์ ภรรยาของจิตรกรชาวเม็กซิกัน ดิเอโก ริเวรา(Diego Rivera)
ฟรีดา คาห์โล มีลักษณะเด่นเป็นที่สังเกตได้จากไรหนวดและขนคิ้วดกชนกัน ชอบแต่งกายด้วยชุดฟูฟ่องแบบชุดเม็กซิกัน 
ชีวประวัติวัยเยาว์
 ฟรีดา คาห์โล มีชื่อจริงว่า แมกดาเลนา การ์เม็น ฟรีดา กาห์โล อี กาลเดรอน (Magdalena Carmen Frieda Kahlo y Calderón) เกิดที่เมืองเล็ก ๆ ชานเม็กซิโกซิตี ในเขตโคโยอากาน Coyoacán บิดาเชื้อสายเยอรมันฮังกาเรียน ชื่อ "กิเยร์โม กาห์โล" Guillermo Kahlo อพยพจากประเทศเยอรมนี และสมรสกับ "มาติลเด กาลเดรอน อี กอนซาเลส" Matilde Calderón y Gonzalez มารดาผู้สืบเชื้อสายชาวสเปนกับชาวอเมอริเดียน ของฟรีดา ภายหลังภรรยาคนแรกเสียชีวิตเพราะการคลอดบุตร ฟรีดาเติบโตมาในครอบครัวที่ไม่มีความสุข แต่ใกล้ชิดกับบิดามากว่ามารดา เมื่อฟรีดาอายุ 6 ขวบ ป่วยเป็นโรคโปลิโอ ส่งผลให้ขาซ้ายลีบเล็กกว่าขาขวาแต่ก็สามารถพิชิตความพิการได้ในที่สุด ในปี พ.ศ. 2465 ฟรีดาได้เข้าเรียนในโรงเรียนชั้นมัธยมปลาย (Preparatoria) เป็นหนึ่งในจำนวนนักศึกษาสตรี 35 คน ในช่วงนั้นเองฟรีดาได้ประสบกับจราจลบนท้องถนนของการปฏิวัติเม็กซิกัน เหตุการณ์นี้นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ชีวิตของฟรีดา
ในปี พ.ศ. 2468 รถรางชนกับรถประจำทางที่ฟรีดานั่ง ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะที่กระดูกเชิงกราน และมดลูก เป็นสาเหตุให้ต่อมาตั้งครรภ์ด้วยความเสี่ยง ภายหลังจากการบาดเจ็บ ฟรีดากลับมาเดินได้อีกแต่ก็กลับไปมีอาการเจ็บปวดไปตลอดชีวิต ทำให้ต้องเข้าโรงพยาบาลครั้งละนาน ๆ และได้เข้ารับการผ่าตัด ถึง 35 ครั้ง ที่หลังและขาขวา

อาชีพจิตรกร
ภายหลังจากอุบัติเหตุฟรีดาหันเหความสนใจไปศึกษาศิลปะแทน ภาพเขียนของฟรีดาสะท้อนชีวิตอันขื่นขมอย่างตรงไปตรงมาจนน่าตกใจ ทั้งการสมรสที่ล้มเหลว การตั้งครรภ์และการผ่าตัดต่างๆ 55 ภาพในจำนวน 143 ภาพเป็นภาพเหมือนของตัวเอง มักมีการสื่อความหมายเชิงสัญลักษณ์เกี่ยวกับบาดแผลทางกายและทางใจของฟรีดา ฟรีดาได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมพื้นถิ่นเม็กซิกันอย่างยิ่ง โดยสะท้อนเป็นสีสันอันสดใสใน สัญลักษณ์ต่าง ๆ ในภาพเขียน
แม้ว่างานของฟรีดาถูกจัดให้อยู่ในรูปแบบเหนือจริง และออกแสดงกับพวกลัทธิเหนือจริงของยุโรป แต่ฟรีดาไม่นับตัวเองเป็นพวกลัทธิเหนือจริง งานที่มีท่วงทำนองส่วนใหญ่เกี่ยวกับสตรี ส่งให้ฟรีดากลายเป็นแม่แบบของนักสตรีนิยมในทศวรรษสุดท้ายของศตวรรษที่ 20


มรสุมชีวิต
 ดิเอโก ริเวรา สนใจภาพเขียนของฟรีดา ต่อมาทั้งคู่ก็แต่งงานกัน ทั้งสองมักถูกมารดาของฟรีดา ผู้ไม่ถูกชะตากับลูกเขย ค่อนแคะเปรียบเปรยว่าเป็น "ช้างกับเขา" ตามขนาดร่างกาย เมื่อแรกแต่งงาน เขาอายุ 42 ปี สูง 186 เซนติเมตร หนัก 136 กิโลกรัม ส่วนฟรีดา อายุ 22ปี สูง 160 เซนติเมตร หนัก 44.5 กิโลกรัม
ชีวิตสมรสของทั้งคู่ไม่ใคร่ราบรื่น เพราะ ดิเอโกเป็นคนเจ้าชู้ อารมณ์ร้อนของทั้งสองก็มีส่วนกับชีวิตสมรสที่ไม่ราบรื่นด้วย ทั้งคู่ต่างคบชู้เหมือนกัน เมื่อฟรีดาจับได้ว่าดิเอโกมีความสัมพันธ์กับพี่สาวก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ทั้งคู่หย่าขาดจากกันแล้วกลับมาแต่งงานกันใหม่ในปี พ.ศ. 2483 แต่ชีวิตสมรสก็ยังลุ่ม ๆดอน ๆ เช่นเดิม
ฟรีดาไม่คิดปกปิดดิเอโกว่าตนเป็นไบเซ็กชวล ดิเอโกยอมรับความสัมพันธ์กับหญิงอื่นของภรรยา ไม่ได้ เพราะรู้สึกอิจฉายิ่ง

ชีวิตบั้นปลาย
ฟรีดาและดิเอโกต่างเป็นผู้ฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ เป็นสหายของ ลีออน ทรอตสกี ผู้ลี้ภัยทางการเมืองจากสหภาพโซเวียตภายใต้การปกครองของ โจเซฟ สตาลิน แต่แรกนั้น ทรอตสกีอาศัยอยู่กับดิเอโกแล้วจึงมาอยู่ฟรีดาเมื่อทั้งสองลักลอบเป็นชู้กัน ต่อมาทรอตสกีย้ายไปอยู่บ้านอีกหลังกับภรรยาที่ Coyoacán และถูกลอบสังหารในที่สุด ภายหลังการตายของทรอตสกี ฟรีดาประณามเขาและหันมายกย่องสหภาพโซเวียตของสตาลิน ชื่นชอบนิยมเหมา เจ๋อตุง เรียก ประเทศจีน ว่า เป็น"ความหวังใหม่ของนักสังคมนิยม"
 ฟรีดา เจ็บกระเสาะกระแสะในช่วงหลายปีหลังและเกิดเนื้อตายที่ขา ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2497 ไม่มีการชันสูตรศพ และมีคำเล่าลือว่าเธอฆ่าตัวตาย ก่อนหน้าการตายไม่กี่วัน ฟรีดาเขียนอนุทินว่า "ฉันหวังว่าทางออกนั้นคงน่ายินดี ฉันหวังว่าคงไม่ต้องกลับมา"
credit : th.wikipedia.org

Thursday, December 1, 2011

7 November 2011 วันเกิดปีที่ 144 ของมารี คูรี (Marie Curie)

Google Doodle: วันเกิดปีที่ 144 ของมารี คูรี (Marie Curie)
 

มารี คูรี เป็นผู้ค้นพบธาตุเรเดียม 
 

การค้นพบที่แลกด้วยชีวิตของเธอ นำไปสู่การศึกษาธาตุกัมมันตรังสีและการรักษาโรคมะเร็ง
 

ต่อมาจึงได้รับรางวัลโนเบลถึง 2 ครั้ง


credit : FB วิชาการ


November 30 2011 วันเกิด มาร์ก ทเวน Mark Twain



Google : วันนี้เป็นวันเกิดปีที่ 176 ของมาร์ก ทเวน (Mark Twain)

นักเขียน นักบรรยาย และนักเขียนเรื่องขบขันชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียง ผลงานของเขาที่น่าจะเป็นที่คุ้นตา


ของคนไทย ก็คือ ทอม ซอว์เยอร์ ผจญภัย (The Adventures of Tom Sawyer) และ ฮัคเคิลเบอรี่ ฟินน์

ผจญภัย (The Adventures of Huckleberry Finn) 

credit: FB วิชาการ 


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------


คำคมที่เป็นที่รู้จัก


-  ผมไม่เคยยอมให้การไปโรงเรียนมาแทรกแซงการศึกษาของผม

- ถ้าคุณไม่อ่านหนังสือพิมพ์ คุณจะเป็นคนที่ตกข่าวสาร แต่หากคุณอ่านหนังสือพิมพ์เมื่อใดคุณกลับเป็นคนที่ถูกลวงด้วยข้อมูลข่าวสารแทน

 - ใส่ไข่ทั้งหมดทุกฟองของคุณไว้ในตระกร้าใบเดียว และเฝ้าดูแลตระกร้านั้นให้ดี

-   มีคำชมเชยที่ดีสักคำ เขาก็มีชีวิตอยู่ได้ทั้งเดือน

-   การเชื่อมั่นสิ่งที่ดีที่สุดของบุคคลหนึ่ง จะดึงสิ่งที่ดีที่สุดในตัวเขาออกมา จงหลีกห่างผู้ซึ่งกดความทะเยอทะยานของคุณไว้ คนที่เล็กน้อยต้อยต่ำจะปฏิบัติเช่นนั้นต่อคุณเสมอ แต่คนที่ยิ่งใหญ่จะทำให้คุณรู้สึกว่า คุณเองก็สามารถยิ่งใหญ่ได้เช่นกัน


 -    สัจจะคือสิ่งที่มีค่ายิ่ง จงใช้อย่างประหยัด

-   พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมา เพราะผิดหวังในลิง

-   ผู้ที่ไม่อ่านหนังสือดีๆ ไร้ค่ากว่า ผู้ที่อ่านไม่ออก

-   บุคคลที่น่าสนใจที่สุดในรอบศตวรรษเดียวกันกับเขา มีอยู่สองคน คือ นโปเลียน กับ เฮเลน เคลเล่อร์

-   ความซื่อสัตย์นั้นเป็นสิ่งที่ผมกลัวยิ่งกว่ากฎหมาย
 credit : th.wikipedia.org